บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2009

กระแสการลงทุนในทองคำ

ที่มา การเงินการธนาคาร ก.ค. 2552 ปัจจุบันการลงทุนในทองคำเป็นที่แพร่หลายทั้งลงทุนโดยตรง ผ่านกองทุนรวม หรือโกล์ดฟิวเจอร์ซึ่งการลงทุนแต่ละประเภทมีลักษณะการลงทุน ความเสี่ยง และผลตอบแทนที่แตกต่างกัน จึงมีคำถามเกิดขึ้นว่า สนใจกำลังที่จะลงทุนในทองคำ แต่ไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างการลงทุนในทองคำโดยตรง กับการลงทุนผ่านกองทุนรวมว่าควรเลือกลงทุนอย่างไร     เนื่องจากการลงทุนในทองคำเป็นที่นิยมมากในช่วง สองถึงสามปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการลงทุนในทองคำได้มีการพัฒนามากขึ้นดดยในยุคปัจจุบัน มีการลงทุน สี่ช่องทาง ดังนี้ 1.ทองคำแท่ง ผ่านร้านทองเยาวราช และร้านทองทั่วไป     จะเป้นการซื้อขายที่คนไทยรู้จักกันดี ซึ่งเป็นการซื้อขายแบบยื่นหมูยื่นแมว นำเงินสดไปแลกทองคำกลับมา โดยมีการส่งมอบทองคำจริง ได้รับทันทีหลังจากตกลงซื้อขาย เป็นการลงทุนแบบ ออมระยะยาว ซึ่งวิธีนี้ผู้ซื้อจะต้องหาที่เก็บที่ปลอดภัย เช่น ตู้เซพ 2.ซื้อขายผ่านกองทุนรวม หรือตามบล.ต่างๆ     ซื้อกองทุน หรือ SPDR Gold Trust กับสหรัฐอเมริกา     ข้อดี คือ หน่วยลงทุนน้อย ไม่กี่หมื่นบาทก็มาสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้แล้ว โดยการซื้อหน่วยลงทุนซื้อแล้ว เปรียบเสมือนท่านเป็

10 ข้อลับ ที่ห้าง ไม่อยากให้ลูกค้ารู้

แปลและเรียบเรียงจาก Sally Wadyka for MSN Health & Fitness โดย ดร.พรธิภา องค์คุณารักษ์ สาขาวิชาการจัดการเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเกษตร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 10 ข้อลับ ที่ห้าง (Big-C, คาร์ฟูร์, โลตัส, Top, etc) ไม่อยากให้ลูกค้ารู้ จากบทความเรื่อง 10 Things Your Grocery Store Doesn't Want You to Know จากเว็บไซต์ http://www.msn.com ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก และเป็นสิ่งที่เราอาจไม่เคยทราบว่าร้านค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ตมีกลยุทธ์ ในการขายสินค้าอย่างไรบ้าง และมีความลับใดที่เราไม่เคยรู้ บางอย่างอาจเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไป เช่น ความสะอาดหรือการส่งเสริมการขาย ทำให้ประชาชนทั่วไปมักซื้อของมากเกินความจำเป็น กลยุทธ์ & ความลับซูเปอร์มาร์เก็ต หลายคนอาจไม่เคยคิดว่า การเดินซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกหรือซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นสิ่งอันตรายและไม่ เคยคำนึงถึงเบื้องหลังหรือฉากหลังของการดำเนินธุรกิจของร้านค้าเหล่านั้น พฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคได้กลายเป็นศาสตร์ที่มีการศึกษาอย่างไม่ รู้จบ โดยนักวิจัยตลาดได้ใช้เวลาศึกษานานหลายปี เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นสินค้าที่มีในร

เกร็ดตรุษจีน # 10 จุดประทัดรับปีใหม่

รูปภาพ
ที่มา คุณ peijing Bloggang.com หลังจากรับประทานอาหารมื้อแรกของวันตรุษแล้ว ชาวจีนนิยมไปศาลบรรพบุรุษเพื่อทำพิธีเซ่นไหว้บูชาบรรพบุรุษ นอกจากนี้ยังมีวิถีปฏิบัติเพื่อขอพร และขอความเป็นสิริมงคลในวันปีใหม่แบบอื่นอีก เช่น จุดโคมไฟ จุดประทัด ถวายเครื่องเซ่นไหว้เทพเจ้า ไปวัด ออกจากบ้านไปทัศนาจร รวมถึงการไปเก็บต้นงา เพราะเชื่อว่า ชีวิตจะเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปเหมือนต้นงาที่งอกขึ้นเป็นข้อๆ ชั้นๆ ประทัด พลุไฟนานาชนิด รอให้เลือกซื้อมากมาย นอกจากคืนวันส่งท้ายปีเก่า และวันที่ 5 เดือน 1 ที่จะมีการจุดประทัดกันแล้ว ประเพณีการจุดประทัดในเช้าวันแรกของปีใหม่ก่อนออกจากบ้าน ก็เป็นความเชื่อของชาวจีนว่า จะเป็นการเริ่มต้นปีด้วยความคึกคัก หรือที่เรียกว่า " ไคเหมินเพ่า " (开门炮) เพื่อต้อนรับวันแรกของปี ประทัดของจีนมีประวัติศาสตร์มายาวนาน เดิมทีใช้ปล้องไม้ไผ่ตั้งไฟเผาให้ระเบิดจนเกิดเสียงดัง ใช้ในการขับไล่ภูตผี ป้องกันเสนียดจัญไร ต่อมาใช้ในพิธีไสยศาสตร์ของพ่อมดหมอผีและการเสี่ยงทาย จนในที่สุดกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการอธิษฐาน ขอความสงบร่มเย็น ชาวจีนพากันเลือกซื้อประทัดไว้จุดต้อนรับวันใหม่ของปี ปร

เกร็ดตรุษจีน # 7 กินเกี๊ยวแล้วโชคดีตลอดปี

รูปภาพ
ที่มา คุณ peijing Bloggang.com " เจี่ยวจือ หรือ เกี๊ยวต้ม " อาหารยอดนิยมที่สุดของชาวจีน " เจี่ยวจือ (饺子)หรือ เกี๊ยวต้มจีน " เป็นอาหารท้องถิ่นจีนที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ตลอดจนได้รับความนิยมมาอย่างไม่เสื่อมคลาย จนกระทั่งมีคำกล่าวว่า ‘ ไม่มีอะไรอร่อยเท่าเจี่ยวจืออีกแล้ว ’ และในวันแรกของเทศกาลตรุษจีนของชาวจีนทางเหนือ อาหารชนิดนี้ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ทั้งยังได้รับเกียรติให้เป็นอาหารมื้อแรกของวันด้วย ประเพณีการกินเจี่ยวจือในวันตรุษจีน เริ่มเป็นที่นิยมกันมาตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์หมิง(ค.ศ.1368-1644) โดยคนในครอบครัวจะต้องห่อเจี่ยวจื่อให้เสร็จก่อนเที่ยงคืนของวันสิ้นปี รอจนยามที่เรียกว่า " จื่อสือ ( 子时) " ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 23 - 1 นาฬิกาของวันถัดมาก็จะเริ่มรับประทานกัน และเป็นเวลาเริ่มต้นวันใหม่ของปีใหม่พอดี การทานเจี่ยวจือจึงมีความหมายว่า ‘ เปลี่ยนปีเชื่อมเวลา (更岁交子) ' เพราะคำเรียกอาหารชนิดนี้ 饺- เจียว ก็ออกเสียงคล้าย 交-เจียว ซึ่งมีความหมายว่า เชื่อมต่อกัน และ 子-จื่อ ก็คือ 子时 – จื่อสือ นั่นเอง นอกจากนั้น การรับประทานอาหารชนิดนี้ ยังมีคว

เกร็ดตรุษจีน # 4 ตำนานคืนส่งท้ายปีเก่า

รูปภาพ
ที่มา คุณ peijing Bloggang.com ชาวจีนมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับ “ ฉูซีเยี่ย (除夕夜) ” หรือ " คืนส่งท้ายปีเก่า " ว่า ในยุคโบราณสมัยที่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ มีสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายมากตัวหนึ่ง ชื่อว่า “ เหนียน (年) ” ทุกปีในคืนวันส่งท้ายปี จะขึ้นจากทะเลมาอาละวาดทำร้ายผู้คนและทำลายเรือกสวนไร่นา ในวันนี้ของทุกปีชาวบ้านจึงมักจะหลบกันอยู่แต่ในบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด ปิดประตูหน้าต่างแน่นหนา และไม่หลับไม่นอนเพื่อเฝ้าระวัง รอจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นจึงเปิดประตูออกมา และกล่าวคำยินดีแก่เพื่อนบ้านที่โชคดีไม่ถูก “ เหนียน ” ทำร้าย ในคืนส่งท้ายปีของปีหนึ่ง “เหนียน” ได้เข้าไปอาละวาดในหมู่บ้านแห่งหนึ่งและกินชาวบ้านจนเรียบ ยกเว้นคู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงาน และเด็กคนหนึ่งที่กำลังเล่นประทัดอยู่กลางถนน เหตุที่ทำให้คู่บ่าวสาวปลอดภัย เนื่องจากทั้งคู่สวมชุดสีแดง ส่วนเด็กที่ปลอดภัยก็เพราะเสียงประทัดที่ดังสนั่น ทำให้ “เหนียน” ตกใจกลัวหนีไป ชาวบ้านจึงรู้ถึงจุดอ่อนของ “เหนียน” ดังนั้น เมื่อถึงคืนส่งท้ายปีเก่า ชาวบ้านจึงพากันสวมใส่เสื้อผ้าสีแดง นำสิ่งของที่มีสีแดงมาประดับตกแต่งบ้านเรือนและจุดประทัดให้มีเสียงดังๆ ท

เกร็ดตรุษจีน # 2 ชุนเหลียน - เหนียนฮว่า

รูปภาพ
ที่มา คุณ peijing Bloggang.com ชุนเหลียน (กลอนคู่) กระดาษคู่ที่เขียนตัวอักษรในแนวตั้งคู่ 4 ตัวอักษร หรือคู่ 7 ตัวอักษร ที่ชาวจีนแขวนไว้ที่เสาหรือประตูหน้าบ้านทั้งสองข้าง เรียกว่า " ตุ้ยเหลียน " ถ้าเรียกให้เฉพาะเจาะจงถึงตุ้ยเหลียนที่ใช้แขวนประดับในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน ที่มักเป็นกระดาษแดงที่เขียนบทกลอนหรือคำขวัญอวยพรในวันปีใหม่ ด้วยตัวอักษรสีทองหรือสีดำนั้น เรียกว่า " ชุนเหลียน " (春联) คุณลุงเจิงเจิ้นเต๋อ กำลังเขียนชุนเหลียนไว้รอรับลูกค้าช่วงเทศกาลตรุษจีน ริมถนนเจริญกรุง จากบทสัมภาษณ์ คุณลุงเจิงเจิ้นเต๋อ โดยผู้จัดการออนไลน์ คุณลุงเจิงเจิ้นเต๋อ ผู้ยึดอาชีพเขียนตุ้ยเหลียนริมถนนเจริญกรุงมา 10 กว่าปี เล่าว่า ในช่วงตรุษจีนคำอวยพรที่นิยมในกลุ่มพ่อค้าเชื้อสายจีนในไทย มักเป็นคำกลอนเพื่อขอพรให้กิจการค้ารุ่งเรือง อาทิ ‘ 财源广进 生意兴隆’ (ไฉหยวนกว่างจิ้น เซิงอี้ซิงหลง) หรือ คำอวยพรทั่วไปที่ติดปากคนไทยไปแล้ว อย่างเช่น ‘ 新正如意 新年发财’(ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวกไช้) ตรงกับเสียงในภาษาจีนกลางว่า " ซินเจิ้งหยูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ " หมายถึง อวยพรให้สมปรารถนาและร่ำรวยในวันขึ้นปีใหม่

เกร็ดตรุษจีน # 1 ฉูซี (วันส่งท้ายปี)

รูปภาพ
ที่มา คุณ peijing bloggang.com ตรุษจีนที่แผ่นดินใหญ่(ประเทศจีน) ถือเป็นวันที่สำคัญมากวันหนึ่ง นอกจากจะเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนแล้ว ยังเป็นช่วงวันเฉลิมฉลอง, วันหยุดพักผ่อน-ท่องเที่ยว หลังจากที่ตรากตรำทำงานกันมาทั้งปี เป็นช่วงเวลาที่เด็กๆ สนุกสนานและชอบมาก เพราะเมื่อถึงวันตรุษจีน ก็หมายถึง วันที่เด็กๆ จะได้รับแจกซองแดง(อั่งเปา)จากผู้ใหญ่กันจนเต็มกระเป๋า กลายเป็นเศรษฐีน้อยๆ กันในวันนี้ อย่าว่าแต่เด็กๆ เลย ทุกวันนี้เมื่อใกล้ถึงวันตรุษจีน เราเองก็รู้สึกตื่นเต้น In กับบรรยากาศตรุษจีนทุกปี ยิ่งกว่าวันปีใหม่สากล หรือ วันสงกรานต์ ซะอีก รู้สึกว่า ปีใหม่ของชีวิตจริงๆ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ในวันชิวอิกนี่เอง แม้ว่าหลังๆ วันตรุษจีนในบ้านเรา จะไม่ค่อยมีบทบาทเด่นชัดเหมือนสมัยก่อนก็ตามที ป๊าเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนตรุษจีนที ร้านรวงต่างๆ พากันปิดฉลองวันตรุษจีนกันหมด ถนนหนทางนี่เงียบไปเลย ของกินก็หากินยาก เพราะร้านค้าต่างๆ เจ้าของร้านส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน และชาวจีนเป็นคนที่ขยันทำมาหากิน ทำงานค้าขายกันตลอดทั้งปี แทบจะไม่มีวันหยุดถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เมื่อถึงวันตรุษจีน จึงเป็นช่วงเวลาของการหยุดพัก

รังสีรักษา 1ในวิธีบำบัดเยียวยามะเร็ง

ในแต่ละปี มีผู้เสียชีวิตจาก “โรคมะเร็ง” เป็นจำนวนมากมายทั่วโลก มีการคาดการณ์ว่า ภายใน พ.ศ. 2588 จะมีผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 15 ล้านคน และในประเทศไทยสถิติการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งก็อยู่ในอันดับต้น ๆ มาโดยตลอด “มะเร็ง” เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย และสามารถทำลายเนื้อเยื่อใกล้เคียงและกระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้ โดยผ่านไปตาม ต่อมน้ำเหลือง และกระแสเลือด แม้วงการแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จะค้นคว้ามาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่อาจระบุสาเหตุที่แท้จริงของโรคมะเร็งได้ จะทราบก็แต่เพียงเหตุกระตุ้นให้เกิดมะเร็ง เช่น พันธุกรรม ความเครียด ภูมิคุ้มกันบกพร่อง พฤติกรรมและสุขนิสัยส่วนตัว รวมถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุที่เราไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุของโรคร้ายนี้ ยิ่งทำให้โรคนี้ทวีความน่ากลัวขึ้นไปอีก ทั้งที่ความจริง โรคมะเร็งบางชนิดสามารถรักษาให้หายขาดได้ถ้ามีการตรวจพบ และได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ การรักษาโรคมะเร็งนั้น สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกันไม่ว่าจะเป็น การผ่าตัด เคมีบำบัด หรือ ฮอร์โมนบำบัด แต่มีอยู่วิธีหนึ่ง ซึ่งมีการนำพลังงานนิวเคลียร์มาเกี่

อาหารปลอดภัยด้วยรังสี

แม้ทุกวันนี้คนทั่วไปจะหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องความสะอาด ปลอดภัยของอาหาร การกินมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้ป่วยสูงอายุและเด็กเสียชีวิตจากอาการท้องร่วงและอาหารเป็นพิษ อยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เนื่องมาจากในอาหารที่วางขายอยู่ทั่วไปนั้นบางครั้งยังไม่มีความสะอาดเพียงพอ และมักมีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค รวมไปถึงพยาธิหลากชนิด และแม้ว่าจะมีการนำวิธีการต่าง ๆ มาใช้เพื่อกำจัดสิ่งไม่พึงประสงค์ในอาหารเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความร้อน การแช่แข็ง หรือการใช้สารเคมี แต่ก็ยังไม่อาจกำจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ได้ 100 % อย่างไรก็ตามยังมีอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำลายเชื้อร้ายเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็น ที่ยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายในหลาย ๆ ประเทศ นั่นคือ “ วิธีการการฉายรังสี ” เมื่อพูดถึงรังสีกับอาหารแล้ว ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะไปด้วยกันได้ แต่ความจริง การฉายรังสีอาหารก็ไม่ต่างจากการถนอมอาหารด้วยวิธีอื่นที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นการตากแห้ง การอบ ย่าง หรือแม้แต่การใช้เตาไมโครเวฟ ทั้งนี้เพราะทุกวิธีที่กล่าวมาล้วนเป็นการใช้ประโยชน์จากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งสิ